วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

จากเด็กแว๊นสู่มหาเศรษฐี 1,000 ล้าน ภายใน 5 ปี


เมื่อคืนวานนั่งดูรายการสุริวิภาทางช่อง 9 (26/8/54) สิ่งที่น่าสนใจให้ติดตามดูรายการนี้คือ แขกรับเชิญที่อายุเพียง 26 ปี เคยไปเด็กแว๊นมาก่อน และใช้เวลาเพียง 5 ปีสร้างธุรกิจของตัวเองระดับ 1,000 ล้านบาท แค่นี้ก็ทำให้ผมถึงกับหัวใจเต้นแรง เมื่อนึกสะท้อนกับตัวเอง ทำให้ตั้งใจดูรายการนี้จนจบ เพื่อที่จะดูว่าเขาทำได้อย่างไร อะไรคือ key of success ของเขา หนุ่มคนนี้ชื่อ แม่สาย ประภาสะวัต จากเด็กแว๊นข้างถนนที่มีชีวิตไปวันๆ พอเงินหมดก็ไปขอพ่อ ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นั้น จนกระทั่งวันหนึ่งก็ถามคำถามกับตัวเองว่า “ชีวิตนี้เกิดมาทำได้แค่นะหรือ” แล้วเขาก็เปลี่ยนตนเอง สร้างเป้าหมาย เป้าหมายแรกของเขาคือ “รวย” โดยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร และจะทำได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆคืออยากรวย คำว่ารวยและเป้าหมายของเด็กแว๊นคนหนึ่งในตอนนั้นคือ 10 ล้านบาท เขาเริ่มศึกษาจากอ่าน หนังสือเล่มแรกที่เขาอ่านที่ผมและเพื่อน VI (value Investing) ทุกคนต้องรู้จักเป็นหนังสือของ วอเร็น บัฟเฟตต์ จากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มหาโอกาสในการทำธุรกิจ โดยเริ่มจากการรับติดตั้งแก๊สรถยนต์ ซึ่งก่อนจะเริ่มลงทุนเขาก็ได้ไปศึกษาและเรียนรู้จนมีความชำนาญในการติดตั้งแก๊สรถยนต์ ถึงกล้าที่จะลงทุนโดยเงินเพียง 70,000 บาทกับพื้นที่เพียง 3x3 ตรม. หนึ่งปีผ่านไปมีเงินเก็บเป็นล้านบาท แล้วก็เริ่มขยับขยาย ผ่านไป 2 ปีก็ขยายไปยังต่างประเทศ และเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับการทำจอ LED ตอนนี้มีพนักงานอยู่ 250 คน กับอายุเพียง 26 ปี เขาให้รางวัลกับตัวเองด้วยรถ สปอร์ตซูเปอร์คาร์ 3 คัน กับความภาคภูมิใจที่พ่อแม่มีต่อเขา


แล้วอะไรคือ key success และ เท่าที่ดูจากรายการพอสรุปประเด็นที่ทำให้คุณแม่สายประสบความสำเร็จได้มีดังนี้

1.            สร้างเป้าหมาย พอมีเป้าหมายแล้วสมองจะคิดหาวิธีการต่างๆ วันนี้ยังไม่รู้ พรุ่งนี้อาจจะรู้ แต่ถ้าไม่มีเป้าหมายสมองจะไม่คิดต่อ

2.            ซื่อสัตย์ และมีคุณธรรม ในการสร้างธุรกิจ บางครั้งต้องย่อมขาดทุน เพื่อสร้างเครดิต

3.            ใช้คนเก่งทำงานแทนตัวเอง สร้างคนให้เขารู้ทุกอย่างที่เรารู้ สร้าง 10 คน เท่ากับมีตัวเรา 10 คน

4.            ให้รางวัลกับตัวเอง กับสิ่งที่ชอบ รถสปอร์ต บ้าน ฯลฯ

“แล้วตัวเราหล่ะมีเป้าหมายกับชีวิตนี้อย่างไร”
สงสัยงานนี้เราต้อง 2,000 ล้านแล้วหล่ะซิ จะได้ไม่น้อยหน้าคุณแม่สาย 5555 (ฝันให้ไกลไปให้ถึง)

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ความลับของ…คนรวย

เคยได้ยินตั้งแต่เด็ก “คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น” ฟังแล้วอาจเป็นเรื่องปกติที่พูดคุยกันในวงสนทนาทั่วไป แต่ถ้ามองให้ลึกอีกสักหน่อยจะเห็นความเป็นจริงบางอย่างว่าทำไมคนส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่กับวัฏจักรแห่งความยากจน แล้วทำไมคนส่วนน้อยนิดเพียงหยิบมือรวยเอาๆ สาเหตุที่พอจะคิดออกในตอนนี้ก็คือวิธีคิดที่แตกต่างกัน มุมมองในการใช้เงินที่หามาได้ต่างกัน คนจนมักจะนำเงินที่ได้มาจากการทำงานไปใช้จ่ายหาความสุข ความสะดวกให้กับชีวิตตนเอง แต่คนรวยจะนำเงินที่หามาได้ไป ลงทุน แล้วนำดอกผลที่ได้มาใช้จ่ายหาความสุขในชีวิต แค่คิดต่างกันผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งต่างกันอย่างสิ้นเชิง (ลองคิดเล่นถ้าผมเป็น รมต.กระทรวงศึกษาฯ ขอย้ำคิดเล่นๆจริง) ผมจะขอลิขสิทธ์ หนังสือ คิดใหญ่ไม่คิดเล็กกับพ่อรวยสอนลูก : เงินสี่ด้าน มาพิมพ์เป็นหลักสูตรภาคบังคับให้กับนักเรียนทุกคนได้เรียน ดูซิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประเทศของเราจะเจริญก้าวหน้าไปไกลขนาดไหน

กลับมาวิธีคิดของคนรวย (ขี่ม้าเลียบเมืองหลายรอบแล้ว คงต้องเข้าตีสักที) หัวใจสำคัญคือ “การให้เงินทำงานแทนเรา” ง่ายไหมหล่ะครับ แต่ยากสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ ในบล็อคนี้จะขอนำเสนอเฉพาะ เรื่องการลงทุนในหุ้น ซึ่งจริงๆแล้วการให้เงินทำงานแทนเรามีอีกหลายวิธี เช่น ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เป็นเจ้าของธุรกิจ แต่สำหรับผม ผมหลงเสน่ห์กับการลงทุนในหุ้น ทำไมนะเหรอ ง่ายๆครับ เพราะผมไม่มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้านมาลงทุนสร้างกิจการนะซิครับ เวลากิจการที่ผมลงทุนมีปัญหาผมก็แค่ย้ายไปลงทุนในกิจการที่ดีกว่าไม่ต้องไปแบกรับปัญหา ผลตอบแทนที่ได้ก็สูงกว่าตลาดโดยเฉลี่ย (ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 10% ต่อปีโดยเฉลี่ย) แค่นี้ก็ชนะเงินเฟ้อแล้ว อยากมีเงินใช้เท่าไหร่ก็กำหนดได้เอง สมมติ เราสะสมเงินได้ 1 ล้านบาทแล้วลงทุนกับหุ้นที่ดีมีอนาคตผ่านไปหนึ่งปีผลตอบแทนเราเท่ากับ 10% : 1,000,000 x 10% = 100,000 บาท เฉลี่ยเดือนละ 8,333.33 บาท อยากได้มากกว่านี้ก็ลองคำนวณดูนะครับ ลองคิดต่ออีกสักหน่อยถ้าเกิดเรามีความรู้มากขึ้นเราอาจทำได้มากกว่า 10% ผลตอบแทนก็จะสูงขึ้นตาม เป็นไงบ้างครับ เพื่อนเริ่มสนใจบ้างหรือยัง ว่าเราจะมีอิสรภาพได้อย่างไร เราจะเกษียณตัวเองได้อย่างไร ตอนต่อไปจะมาดูว่า “สิ่งมหรรศจรรย์อันดับ 8 ของโลกคืออะไร” มันจะเกี่ยวกับการลงทุนยังไงหนอ?????

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อย่าสิ้นศรัทธาในสิ่งที่ตนเองยึดมั่น

จั่วหัวประเดิมเขียนบล็อคครั้งแรก (เอาไว้ย้ำเตือนตัวเอง)
ผมเคยนั่งครุ่นคิดเป็นวันๆ (ไม่ได้บ้านะครับพี่น้อง) ว่าเราเองก็เป็นคนดีพอสมควร ไม่เคยคิดร้ายต่อใคร มีแต่ความจริงใจ กตัญญูรู้คุณ รักษาศีลได้บ้างเป็นบางข้อ ชอบทำบุญ บริจาคเงินเล็กๆน้อยๆตามสมควร แล้วทำไมชีวิตนี้ยังยากจนข้นแค้นอยู่ แถมยังมีเรื่องเดือดร้อนใจจากคนอื่นเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
เคยทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ ขยันเสียจนตัวเป็นเกลี่ยวหัวเป็นน๊อต ซื่อสัตย์ ตรงต่อเวลา เสียสละในทุกเรื่อง ทำงานหนักกว่าคนอื่นในตำแหน่งเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับกับไม่คุ้มค่ากับการทุ่มเทที่ทำลงไป เงินทองไม่พอใช้ แถมค่าใช้จ่ายยังเพิ่มขึ้น
สมัยเรียนเคยอ่านหนังสืออย่างหนัก ไม่สนใจเพื่อนฝูงหรือคนรอบข้าง ไม่ไปเที่ยวเตร่ที่ไหน ไม่ดูหนังฟังเพลง ขยัน จดบันทึกทุกอย่างที่อาจารย์สอน เข้าเรียนทุกครั้งไม่มีขาด แล้วทำไมผลสอบจึงไม่เป็นอย่างที่เราหวัง กับคนที่ที่เขาทำตรงกันข้ามกับเรา เขากลับได้ผลสอบที่พอๆกับเราหรือดีกว่า ไม่เข้าใจว่าทำไม ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน


ผมว่าหลายๆคนก็คงมีชีวิตที่คล้ายกับผม เคยสงสัยไหมครับแล้วการที่จะประสบความสำเร็จจริงๆแล้วต้องทำอย่างไร จริงๆแล้วเคล็ดลับสู่ความมั่งคั่ง ความร่ำรวย ความสุข ความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่ดีเลิศสมบูรณ์แบบ หรือเกิดจากการทำงานอย่างหนัก ขยันหมั่นเพียรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีหนทางอื่นอีกที่เหนื่อยน้อยกว่าที่จะนำเราไปสู่เป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้
การทำงานหนัก ขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์ อดทน (อึด) นับเป็นวิธีการกระทำกันโดยทั่วไป แต่บางครั้งการกระทำดังกล่าวก็บั่นทอนกำลังใจเราอยู่เป็นเนื่องๆ และก็หาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมเราก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ไปถึงไหน เช่นตอนนี้มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร เมื่อ สองปีก่อน สามปีก่อน หรือเมื่อห้าปีที่แล้วเป็นยังไงตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน
บล็อคนี้จึงถูกเขียนขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดจากการอ่านหนังสือและประสบการณ์หางอึงของผม ถึงเคล็ดลับไปสู่ความมั่งคั้งด้วยการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และการมีสุขภาพที่ดี บนสมมุติฐานว่าให้เงินทำงานแทนเรา แล้วเราก็ไปใช้ชีวิตอิสระตามต้องการ 5555