วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

มหัศจรรย์ดอกเบี้ยทบต้น (ภาคต่อสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก)

ทิ้งท้ายไว้ตอนที่แล้ว ว่าถ้าทำอัตราผลตอบแทนได้ 10% ต่อปี (สำหรับผู้ที่ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานดี) แล้วทุกๆ 7 ปีเงินที่เราลงทุนจะกลายเป็น 2 เท่า เรามาลองขยายความกันหน่อยนะครับ สมมุติเราจบปริญญาตรีตอนอายุ 22 แล้วเริ่มลงทุนด้วยเงิน 1,000,000 บาท มันจะเกิดอะไรขึ้น

1.               อายุ 22 ปี เงินลงทุน 1,000,000 บาท

2.               อายุ 29 ปี เงินลงทุน 2,000,000 บาท

3.               อายุ 36 ปี เงินลงทุน 4,000,000 บาท

4.               อายุ 43 ปี เงินลงทุน 8,000,000 บาท

5.               อายุ 50 ปี เงินลงทุน 16,000,000 บาท

6.               อายุ 57 ปี เงินลงทุน 32,000,000 บาท

7.               อายุ 64 ปี เงินลงทุน 64,000,000 บาท

อีกกรณีหนึ่ง ถ้าทำอัตราผลตอบแทนได้ 20% ต่อปี (สำหรับผู้มีความรู้ระดับ VI) แล้วทุกๆ 5 ปีเงินที่เราลงทุนจะกลายเป็น 2 เท่า

1.             อายุ 22 ปี เงินลงทุน 1,000,000 บาท

2.             อายุ 27 ปี เงินลงทุน 2,000,000 บาท

3.             อายุ 32 ปี เงินลงทุน 4,000,000 บาท

4.             อายุ 37 ปี เงินลงทุน 8,000,000 บาท

5.             อายุ 42 ปี เงินลงทุน 16,000,000 บาท

6.             อายุ 47 ปี เงินลงทุน 32,000,000 บาท

7.             อายุ 52 ปี เงินลงทุน 64,000,000 บาท

8.             อายุ 57 ปี เงินลงทุน 128,000,000 บาท

เห็นไหมครับก่อนเกษียณอายุการทำงานเราก็มีเงินเกินกว่า 100 ล้านบาท (แล้วจะใช้ยังไงหมดหล่ะเนี้ย ชักคิดหนักแล้วซิ ขำๆ นะครับ อย่าซีเรียส) ทั้งนี้เราลงทุนโดยที่ระหว่างทางการลงทุนไม่ได้ใส่เงินลงไปเพิ่มเลยนะครับ แล้วถ้าเราเพิ่มเงินลงทุนไประหว่างทางอีกหล่ะ ยิ่งกว่ามหัศจรรย์แห่งรักเสียอีก 555
ตอนต่อไปเราลองเปลี่ยนแนวมาคุยเรื่องสัญลักษณ์นำโชคกันดีกว่า อันนี้ขอนำเสนอ

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก ใครรู้บ้างว่าคืออะไร?????


ในโลกแห่งการเงินไม่มีใครไม่รู้จักสิ่งนี้ ทุกคนรู้ ทุกคนเข้าใจ แต่น้อยคนที่จะทำได้ มันคือ มันคือ “พลังของดอกเบี้ยทบต้น” ถูกต้องนะครับ!! เจ้าดอกเบี้ยทบต้นในทางการเงินคือสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่แค่ปลายจมูก แต่มักไม่มีใครทำได้ เหตุผลที่ทำไม่ได้ เพราะขาดวินัยทางการเงิน


เราลองมาดูว่าเจ้า “ดอกเบี้ยทบต้น”นี้มันมหัศจรรย์อย่างไรกันดีไหมครับ เริ่มกันเลย สมมุตินะครับ สมมุติอีกทีนะครับ (จำน้องพลับเขามา ถ้ายังจำน้องพลับขอ 2 กันได้) ว่าเรามีเงินเย็นอยู่ 1,000,000 บาท อันนี้ผมเชื่อว่าพี่น้อง VI มีมากกว่าอยู่แล้ว แล้วลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ คือลงทุนในหุ้น อันนี้เน้นว่าลงทุนนะครับ ไม่ใช่เล่นหุ้น จากสถิติตั้งแต่เปิดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.. 2518 จนถึงตอนนี้ 2554 อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ประมาณ 12% ต่อปี นั้นแสดงว่าถ้าเราลงทุนในหุ้น Blue Ship เช่น PTT, SCC, BBL อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล+capital gainะอยู่ที่ 12% ต่อปี ในที่นี้จะใช้แค่ 10% เพื่อคำนวณให้เห็นภาพง่ายขึ้น ตามกฎของดอกเบี้ยทบต้นบอกว่า ถ้าเราสามารถทำผลตอบแทนได้ 10% ต่อปีและนำผลตอบแทนที่ได้ใส่กลับเข้าไปลงทุนต่อ ทุกๆ 7 ปีเงินของเราจะกลายเป็น 2 เท่า เริ่มเข้าใจพลังของมันแล้วใช่ไหมครับ ทีนี้เราลงมาคำนวณกันดู

เงินลงทุน 1,000,000 บาท

ปีที่ 1 เงินต้น 1,000,000 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 100,000 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

ปีที่ 2 เงินต้น 1,100,000 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 110,000 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

ปีที่ 3 เงินต้น 1,210,000 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 121,000 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

ปีที่ 4 เงินต้น 1,331,000 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 133,100 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

ปีที่ 5 เงินต้น 1,464,100 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 146,410 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

ปีที่ 6 เงินต้น 1,610,510 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 161,051 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

ปีที่ 7 เงินต้น 1,771,561 บาท ผลตอบแทนสิ้นปี 10% = 177,156.1 บาท ใส่กลับเข้าไปในเงินต้น

สิ้นปีที่ 7 จะมีเงินเท่ากับ 1,948,717.10 บาท ก็ประมาณเกือบ 2 เท่า

เป็นไงครับ หลายท่านคงเข้าใจบ้างแล้ว แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่าคุณจะสามารถทำได้สูงกว่า 10% หรือเปล่า ถ้าทำได้ ระยะเวลาของคุณก็จะสั้นลง จาก 7 ปี เป็น 5 ปี, 3 ปี หรืออาจแค่ปีเดียว แล้วแต่ความสามารถของคุณ แต่อย่าลืมนะครับ ถ้าระหว่างทางการลงทุนเราใส่เงินเข้าไปอีกหล่ะมันก็ต้องเพิ่มพูนขึ้นในอัตราเร่งถูกไหมครับ 5555 (จะเป็นยังไงหนอถ้าเงินต้นเราใส่ไปมากกว่า 1 ล้านบาทหล่ะ 10 ล้าน, 100 ล้าน อันนี้น่าคิด ขอกลับไปนอนฝันต่อดีกว่า ZZZ)